เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒ ม.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะตั้งใจฟังธรรมๆนะ ฟังธรรมของเรา เราแสวงหาบุญกุศลเพื่อหัวใจของเราเพื่อหัวใจของเรานะ ถ้าเพื่อหัวใจของเราถ้าทำบุญกุศลบุญกุศลมันมีหยาบมีละเอียดขึ้นไป มันมีทุกอย่าง มันมีหยาบมีละเอียดทั้งนั้น คำว่า“หยาบๆ” ไงหยาบๆ บางคนไม่เข้าใจ ยังไม่ต้องการไง ไก่ได้พลอยๆ ไก่มันได้พลอยมาเม็ดหนึ่งมันยังไม่เห็นคุณค่าเลย มันต้องการแค่เมล็ดข้าวเท่านั้นน่ะ เพราะจิตใจมันรับรู้ไม่ได้ไง

นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์เกิดเป็นมนุษย์นะ การเกิดเป็นมนุษย์มีคุณค่ามาก คำว่า “มีคุณค่า” มีคุณค่ามากเพราะถ้าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาเกิดแต่ละภพแต่ละชาติมันทุกข์มันยาก เวลาเกิดเป็นมนุษย์มันทุกข์มันยาก แต่มนุษย์มันมีสิทธิเสรีภาพนะ การเกิดเป็นมนุษย์มีค่ามากๆ แต่มีค่ามาก เราทำคุณงามความดีก็เพื่อชีวิตนี้ไง เราทำความดีเพื่อชีวิตเรา ก็แค่ชีวิตเรา แค่เกิดกับตาย ตายไปแล้วก็จบ คิดกันแค่นั้นไง 

นี่เราทำคุณงามความดีเพื่อชีวิตนี้ๆ ไง ถ้าเพื่อชีวิตนี้ ถ้าสมบัติของใจๆ มันก็บาปบุญนั่นแหละ ถ้าทำบุญเพื่อชีวิตนี้ ถ้าทำคุณงามความดีด้วย ถ้าทำคุณงามความดีด้วย มันก็เป็นบุญกุศลไง ถ้าเป็นบุญกุศล เวลาเกิดจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้ามันไม่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเราจะไม่เวียนมาเกิดในภพปัจจุบันนี้ ในภพปัจจุบันนี้เพราะเรามีมนุษย์สมบัติเรามีศีล ๕ ครบสมบูรณ์ขึ้นมาเขาเรียกมนุษย์สมบัติ มีคุณค่าได้เกิดความเป็นมนุษย์ เราถึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ไงพอเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา สิ่งที่เราทำคุณงามความดีเพื่อชีวิตนี้ แต่ถ้าเป็นคุณงามความดี มันก็ทำให้จิตนี้เกิดดีขึ้น 

คำว่า“เกิดดีขึ้น”ทำคุณงามความดี เวลาหมดชีวิตไปก็เกิดเป็นเทวดาเป็นอินทร์ เป็นพรหม ถ้าเวลาทำชั่ว บาปอกุศลมันก็เกิดในนรกอเวจีเราทำเพื่อชีวิตนี้ เราทำเพื่อชีวิตนี้ สิ่งที่ชีวิตนี้ แต่เราไม่ได้ทำเพื่อตัวตนของเราไง ถ้าตัวตนนะ คำว่า“ตัวตนของเรา”ดูสิ ทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีของเรา เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาคนเวลาเราไปประพฤติปฏิบัติตามวัดตามวาใครไป ก็เราไปไง ก็ชีวิตนี้เราไป ถ้าเราไปทำเราก็ทำเพื่อชีวิตนี้เหมือนกัน แต่ถ้าใครทำความสงบของใจเข้ามาทำความสงบใจเข้ามา พอใจมันสงบเข้ามามันถือตัวตนไงนั่นแหละทำเพื่อตน 

ถ้าทำเพื่อตน ทำเพื่อตนเพราะเหตุใด เพราะตนที่เป็นปฏิสนธิจิตจิตเดิมแท้ของเรา ถ้าจิตเดิมแท้ของเรา ถ้ามันสงบระงับเข้ามาไง ถ้ามันสงบระงับเข้ามา ถ้ามันฝึกหัดใช้ปัญญาของมันไป ศีลสมาธิ ปัญญาเกิดสมาธิแล้วเกิดปัญญาปัญญานั้นเป็นภาวนามยปัญญา ปัญญานั้นเป็นการรื้อภพรื้อชาติปัญญานั้นเกิดในตน

เขาบอกสมาธินี้เป็นตัวเป็นตัว สมาธินี้เป็นตัวเป็นตน

ก็เป็นตนก็เป็นสิทธิ์ของเราไง ถ้าเราไม่ยืนยันสิทธิ์ ดูสิสิทธิ นอนหลับทับสิทธิ์ๆ ไง ไอ้คนนอนหลับทับสิทธิ์มันบอกมันไม่ต้องทำสิ่งใดเลย มันสบายของมัน มันพอใจของมันมันนอนหลับทับสิทธิ์ แล้วเราจะยืนยันสิทธิ์ของเราล่ะ เราจะยืนยันสิทธิตัวตนของเรา 

ถ้าสิทธิตัวตนของเราถ้าจิตเราสงบมันก็เป็นสิทธิตัวตนของเราไงถ้าจิตเราไม่สงบ ก็ชีวิตนี้ชีวิตนี้ได้ลาภมา ได้ลาภมาเกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าได้ลาภเกิดมาเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์นี้มีสิทธิเสรีภาพตามความเป็นมนุษย์

ในสมัยโบราณ เวลาคนเกิด ทาสในเรือนเบี้ย เวลาเกิดเป็นลูกทาสลูกทาสขึ้นมาถ้าใครมาไถ่ตัวไปมันถึงจะพ้นจากความเป็นทาส แต่ถ้าใครมีเงิน มีเงินไถ่ตัวเองก็ได้ นี่ความเป็นทาสๆความเป็นทาสนั้นมันมีกฎหมายรองรับ นายทาสมีสิทธิควบคุมทาสของตน

เราจะพ้นจากความเป็นทาสๆ การเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกันไงแต่การเกิดเป็นมนุษย์ ทาสในเรือนเบี้ยนั้นเวลาเราเกิดเป็นมนุษย์ ที่ว่าเกิดเป็นมนุษย์ที่ว่ามีคุณค่าๆมันก็เกิดเป็นมนุษย์ มันก็ยังดี ดูสิ ดูสัตว์สัตว์ที่จิตใจของคนมันโหดร้ายมันทำลาย สัตว์ในป่า เราล่ามาเพื่อเป็นอาหารของเรา เราล่าเพื่อเป็นอาหารไง ล่าเพื่อเป็นอาหาร เวลาเขาล่าเพื่อเป็นธุรกิจนี่หมดป่าเลย ยังต้องทำฟาร์มขึ้นมาเพื่อหาสิ่งนั้นมายังชีพ มายังชีพเพื่อชีวิตๆ

ถ้าคุณงามความดีๆคนเขามีสติปัญญา เขามีเมตตาของเขาเขาทำอย่างนั้นเขาก็ทำไม่ลงของเขา จิตใจเขาทำไม่ลง ถ้าจิตใจเขาทำไม่ลง คนสูงคนต่ำมันต่างกันตรงนี้แล้ว คนสูงคนต่ำ แต่คนที่ทำไม่ลงๆ เวลาเขาเกิดความจำเป็นของเขาขึ้นมาล่ะ เวลาหลงป่าไป ถ้าไม่ยังชีพ มันจะดำรงชีพได้อย่างไร เราทำเพื่อชีวิต ทำเพื่อชีวิตนี้ แต่มันก็มีบุญมีบาปนี่แหละ

แต่ถ้าคนมีสติปัญญาขึ้นไป เขาจะทำเพื่อตัวตนของเรา ไปวัดไปวาเวลาให้ธรรมเป็นทานๆ เขาบอกทำบุญกุศลสิ่งที่เราแสวงหามาเป็นความทุกข์ความยาก เราเสียสละของเราปฏิคาหกนะเวลาปฏิคาหกสิ่งที่มีบุญกุศลบุญกุศลมันมากตรงนี้ ปฏิคาหกได้มาด้วยความสะอาดบริสุทธิ์เต็มใจ ภูมิใจที่จะเสียสละ เสียสละไปแล้วเรายังมีความภูมิใจ ผู้รับรับด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ใช้สอยด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ที่เหลือแล้วเก็บไว้ใช้สอย นั่นน่ะปฏิคาหกๆ บุญกุศลมันเกิดตรงนี้ มันเกิดตรงความสะอาดบริสุทธิ์นี่ไง มันไม่ได้เกิดเพราะเล่ห์กลไง เล่ห์กลนั้นเพราะกิเลสมันทำให้บุญกุศลแตกต่างกันไป นี่พูดถึงความสะอาดบริสุทธิ์ของใจถ้าความสะอาดบริสุทธิ์ของใจถ้าคนมีสติปัญญาขึ้นมา

แล้วเวลาเราจะมาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าเราทำก็เพื่อชีวิตนี้ไงมันเป็นเรื่องของสังคมปฏิบัติพอเป็นพิธี พอเป็นพิธีขึ้นไปแล้วมันก็เหมือนกับรัฐบาล รัฐบาลมันก็ปกครองต้องการให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข มันก็มีชาติ ศาสนาเพราะตัวศาสนาเป็นตัวเชื่อม ตัวศาสนาทำให้คนมีวัฒนธรรมให้คนมีความละอาย ให้คนไม่ทำบาปทำกรรม การปกครองก็ง่ายขึ้น ไอ้นี่มันก็เป็นเรื่องศาสนา ศาสนาประจำโลก ถ้าศาสนาประจำหัวใจของตนล่ะ

ถ้าศาสนาประจำหัวใจของตนถ้าจิตมันไม่สงบเข้ามา มันก็เป็นศาสนาประจำโลก โลกคือชีวิตนี้ไงโลกคือโลกทัศน์ โลกคือหมู่สัตว์ เวลาเราเกิด เกิดในโลก ๓ โลกธาตุจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้ามันจิตสงบเข้าไปแล้วถ้ามันยืนยันสิทธิ์ของมัน ถ้ายืนยันสิทธิ์ของมัน มันมีสิทธิตามสิทธิ์ มีสิทธิ์ตามความชอบธรรม แล้วถ้าเวลามันยกขึ้นสู่วิปัสสนา ใช้ปัญญาของเขา 

นี่ไงปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกไง เราเป็นคนยืนยันสิทธิ์ใช่ไหม พอคนยืนยันสิทธิ์แล้ว ถ้ามันมีการกระทำขึ้นมา มันเป็นการกระทำของเราใช่ไหม ถ้ามันเป็นการกระทำของเรา ใครเป็นคนกระทำใครเป็นคนทำ

ในดวงใจใดไม่มีมรรค ในดวงใจนั้นไม่มีผล ในศาสนาไหนไม่มีมรรคศาสนานั้นไม่มีผล ในการประพฤติปฏิบัติมันไม่มีมรรคมันเป็นความจำทั้งนั้นน่ะ ธรรมะเป็นธรรมชาติธรรมะเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ศึกษามา เราก็เข้าใจมา แล้วของเราล่ะ ของของเราล่ะ 

นี่ของของตน แล้วของของตนมันต้องมีขึ้นมาสิถ้าของของตนสติมันก็รู้ว่าสติสมาธิมันก็รู้ว่าสมาธิ เวลาเกิดปัญญาขึ้นมามันแจ่มแจ้งมาก มันชัดเจนของมันมากเวลาชัดเจนของมันมาก เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไปนะ ครูบาอาจารย์ของเราเวลาท่านสั่งท่านสอน จิตที่สูงกว่าพยายามดึงจิตที่ต่ำกว่าขึ้นไป จิตที่ต่ำกว่าทำสิ่งใดขึ้นไปมันก็บอกนี่ใช่ๆ

พอนี่ใช่มันก็จมอยู่นั่นน่ะ เวลาไปติดเวลาไปติดขึ้นมามันก็ต้องมีการแก้ไข ของที่มันมีค่าไง ดูสิไก่มันได้พลอยมันไม่รู้ว่าพลอยนั้นมันมีค่า มันต้องการแค่ข้าวสารเท่านั้นน่ะ นี่ก็เหมือนกัน ถ้าจิตเรามันเห็นมีคุณค่าขึ้นมา มันอยากได้พลอยหลายๆ เม็ดแล้ว 

นี่ก็เหมือนกัน เวลาจิตที่มันประพฤติปฏิบัติขึ้นไป ถ้าเราเหมือนกับไก่ได้พลอย ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นเวลาจิตมันสงบเข้ามาก็มหัศจรรย์ของมันนัก ถ้ามันมหัศจรรย์นักทำไมคนไปติดในสมาธิได้

เวลาบอกสมาธิมันมีโทษๆ ในตัวมันเองมันมีความสมบูรณ์ในตัวมันเอง ในตัวของมันเองมันมีคุณค่ามาก มีคุณค่าเพราะสุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี แม้แต่จิตสงบมันก็มีความสุขแล้วความสุขนั้นคนก็คิดว่านี่เป็นนิพพานไง โอ๋ย! มันเวิ้งมันว้าง 

มันเวิ้งว้างมันเป็นอนิจจัง สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปทั้งนั้น ไม่มีสิ่งใดคงที่ทั้งนั้นเว้นไว้แต่เวลาจิตเราสงบแล้วเราฝึกหัดใช้ปัญญาของเราถ้าเราใช้ได้ตามความเป็นจริง พิจารณาไปแล้วตทังคปหานปล่อยแล้วปล่อยเล่าๆเวลามันสมุจเฉทปหานไปแล้ว นั่นน่ะคงที่คงที่เป็นอกุปปธรรม อกุปปธรรมเพราะมันอฐานะ อฐานะที่มันไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปนี่สมบัติของเราชัดๆ

แล้วถ้ามันชัดๆ ขึ้นมาแล้ว ถ้าคำว่า“เป็นตัวตน” มันก็เป็นตัวตนนั่นแหละ เพราะเป็นตัวตนเป็นการยืนยันสิทธิ์ เพราะไม่มีตัวตนเลยสาธารณะสมบัติ ธรรมะเป็นธรรมชาติของเป็นธรรมชาติหมดทุกคนมีสิทธิหมด ก็จริงๆเพราะธรรมะเป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์วางธรรมวินัยนี้ไว้

แล้วเวลาท่านพูดนะท่านให้พวกเราค้นคว้าไง “ไม่มีกำมือในเรา”คือไม่มีความลับ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสนาพุทธไม่มีความลับ ไม่มีลับลมคมใน เปิดเผยชัดเจน แจ่มแจ้งเว้นไว้แต่เรานี่จริงหรือเปล่าเราทำได้หรือเปล่า ถ้าเราทำได้ขึ้นมา เราขวนขวายของเราสิ แล้วขวนขวายของเรา เราไม่ต้องการเพื่อชีวิตนี้ไง เพื่อชีวิตนี้ มันถึงที่สุดก็ต่างคนต่างต้องไปทั้งนั้นน่ะ เพื่อชีวิตนี้ แล้วเพื่อเราล่ะ เพื่อตนล่ะเพื่อหัวใจดวงนั้นน่ะ

ถ้าหัวใจดวงนั้นขึ้นไปมันต้องสงบระงับเข้าไป ถ้ามันสงบระงับเข้าไป นี่เพื่อมันแล้ว ยืนยันสิทธิ์ๆ ถ้าไม่ยืนยันสิทธิ์นะเป็นสาธารณะหมด ใครจะสร้างทรัพย์สมบัติ สร้างสิ่งใดไว้วิจิตรพิสดารขนาดไหนในโลกนี้มันตกอยู่ในโลกนี้ทั้งนั้นน่ะแม้แต่ตายไปเขาหยอดเศษเงินไปในปากสัปเหร่อมันยังงัดเอาออกไปเลย ถ้ามันงัดออกไป เวลาเผาแล้วเศษเหลือ เหรียญนั้นก็ตกอยู่ในเตานั้นน่ะ มันเอาไปไม่ได้หรอก 

สมบัติประจำชีวิตชีวิตนี้มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มันต้องตายไป แล้วมันต้องตายไป แต่เราก็ทำคุณงามความดีของเราเพราะอะไรเพราะตัวหัวใจเป็นตัวรับไงเพราะมันต้องมีเจตนา คนจะทำอะไรต้องมีความคิด ความคิดเกิดจากจิตถ้าความคิดเกิดจากจิต เวรกรรมทั้งหมดรวมลงอยู่ที่จิตทั้งหมด ทีนี้รวมลงอยู่ที่จิตทั้งหมด เพื่อชีวิตนี้ก็เพื่อโลกนี้

แต่ถ้าเพื่อหัวใจของเราๆ มันก็อยู่ในโลกนี่แหละแต่อยู่ในโลกก็ทำคุณงามความดีเป็นบาปบุญ บาปบุญนั้นเป็นสมบัติของใจ นี้บาปบุญเป็นสมบัติของใจเพราะใจต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ

แต่ถ้าสมบัติที่จะพ้นจากวัฏฏะล่ะพ้นจากวัฏฏะมันต้องพ้นจากผู้ที่รับผิดชอบนั่นน่ะ พ้นจากผู้ที่รับบุญรับบาปมันต้องสำรอกมันต้องคายออก มันไม่มีสถานะ เวลานักโทษ เวลาตายแล้วมีคดีเขาจำหน่ายหมดเลย เพราะผู้นั้นได้ตายไปแล้ว จิตที่มันรับผิดชอบ จิตที่มันต้องรับบุญรับบาปนั้น ถ้าได้ทำลายภวาสวะ ทำลายภพทำลายชาติทำลายสิ่งนั้นหมดแล้ว มันไม่มีผู้รับ มันจะเอาใครมารับเอาใครมารับบุญรับบาปล่ะเพราะมันข้ามพ้นไปแล้ว มันทำลายไปแล้วนั่นน่ะตัวนั้น นั่นน่ะสมบัติของตน 

ถ้าตนทำได้อันนี้เป็นสมบัติของตนนะ ถ้าสมบัติของตน เราถึงว่า เวลาที่ศรัทธาความเชื่อ ถ้าศรัทธาความเชื่อในโลกนี้ เราก็พยายามทำของเราด้วยคุณงามความดีของเรา ถ้าเราใช้สติปัญญาพิจารณาแยกแยะของเรา ใช้สติปัญญาแยกแยะของเรา ไม่ต้องเชื่อใครทั้งสิ้นกาลามสูตรแล้วแต่ว่าหัวใจของคนมันจะสูงส่งแค่ไหน

ถ้ามันสูงส่ง วุฒิภาวะสูงส่งขนาดไหนมันก็มีปัญญาได้สูงส่งขนาดนั้น ถ้าวุฒิภาวะของจิตใจเราไม่สูงส่งเท่านั้น มันก็โดนกิเลสครอบงำ พอโดนกิเลสครอบงำ ติดในตัวเราแล้วเพราะมีความสงสัยแล้ว แล้วถ้ามีใครคิดเหมือนเรา มีใครคิดเหมือนเรา มีใครมีความเห็นเหมือนเรา ไปเป็นกระแสเลยไปเลย

แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นมานะเวลาเผยแผ่ธรรมขึ้นมาเอตทัคคะ พระอรหันต์แต่ละประเภทๆเหมือนกันบ้างไหม เอตทัคคะ๘๐ องค์ก็ ๘๐อย่าง พระอรหันต์เหมือนกัน แต่ความถนัด ๘๐ แล้วที่ไม่ได้ยกย่องบูชาไว้ล่ะอีกเท่าไร นี่เวลาเป็นของใครของใครมันก็เป็นหัวใจดวงนั้นไง 

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราทำของเราถ้ามันปลดเปลื้องความทุกข์ในใจของเรา ถ้ามันทำแล้วจิตใจเรามันผ่องแผ้ว ทำแล้วจิตใจเรามันพ้นจากทุกข์นั่นน่ะสมบัติของเราๆ เราไม่ต้องเทียบเคียงใครหรอกเพราะมันจะเหมือนกันไม่ได้มันเหมือนกันไม่ได้เพราะอะไร ความชอบคนไม่เหมือนกัน จริตนิสัยของคนไม่เหมือนกัน การสร้างบุญกุศลมาแตกต่างกันถ้าแตกต่างกันแต่โดยหลักการ ในหลักการเรื่องอริยสัจทุกข์ สมุทัยนิโรธ มรรค นี่โดยหลักการถ้าศาสนาไหนมีมรรค มีมรรคก็เอามาเทียบเคียง 

คนเราจะเถียงกันเรื่องความดีและความชั่ว เถียงว่าใครดีกว่าใครไง เขาตัดสินกันด้วยศีล ศีลเป็นตัวตัดสิน ดีหรือชั่วศีลเป็นตัวตัดสิน เพราะศีล เอาหลักการของศีล ๕ ศีล ๘ศีล ๑๐ ศีล๒๒๗ ถ้าเข้าหลักการนี้ถูกต้อง ถ้าไม่เข้าหลักการนี้ มันเป็นความชอบของเรา ไม่เกี่ยว ถ้าไม่เกี่ยว ศีล สมาธิปัญญา ถ้าศีลสมาธิ ปัญญาถ้าศีลมันไม่สะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมามันก็เห็นแก่ตัว มันก็มักมาก มันก็ต้องอยากใหญ่เพราะเป็นตัวตนของมัน

แต่ถ้ามีศีลขึ้นมาแล้วปาณาติปาตาเราไม่ก้าวล่วงใดๆ ทั้งสิ้น เราไม่พูดส่อเสียดพูดกระทบกระเทือนใครทั้งสิ้น เวลาเราจะพูดส่อเสียดกระทบกระเทือนก็ต้องให้พูดส่อเสียดกระทบกระเทือนกิเลสของเราเองกิเลสที่มักมากอยากใหญ่ในใจของเรา เราจะส่อเสียด เราจะกำจัด เราจะทำลายกิเลสอันนี้ ถ้าทำลายกิเลสอันนี้ อันนี้ประเสริฐที่สุดประเสริฐที่สุดแต่เราไม่พูดส่อเสียดใครทั้งสิ้นอันนั้นมันเป็นเรื่องการสร้างเวรสร้างกรรมเราจะไม่สร้างเวรสร้างกรรมต่อไป แต่เราจะทำลายภวาสวะทำลายไอ้ตัวที่ออกไปสร้างเวรสร้างกรรมต่างหากล่ะ ถ้ามันทำลายตัวนี้ได้ถ้าเป็นสมบัติของตนเป็นสมบัติตรงนี้ 

ถ้าสมบัติทางโลกสมบัติในชีวิตนี้เราก็แสวงหานะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ไง เป็นสิ่งที่ประเสริฐชีวิตนี้มีค่ามากๆ แล้วมีค่าเขาก็ดูที่ความรับผิดชอบหน้าที่การงานใครถ้ามีความรับผิดชอบหน้าที่การงานของเขา รับผิดชอบจากภายนอก เขาจะไปรับผิดชอบจากภายใน ถ้าภายนอกเขาไม่รับผิดชอบภายในเขาจะรับผิดชอบไหม 

นี่ก็เหมือนกัน เรามีหน้าที่การงานของเรา หน้าที่การงานมันเป็นการแสดงออกของสติปัญญาของเรา นี่ก็เหมือนกัน ข้อวัตรปฏิบัติของพระก็เหมือนกัน ถ้าข้อวัตรปฏิบัติของพระ มันเป็นเรื่องของสาธารณะ เป็นเรื่องของชุมชนเรื่องของสงฆ์ทำร่วมกัน ใช้ร่วมกัน ศาลาโรงธรรมต้องใช้เหมือนกันหมด ถ้าใครมีความรับผิดชอบ มีการกระทำ นั่นน่ะมันรับผิดชอบเข้ามาแล้วเวลาเขาไปนั่งสมาธิภาวนามันจะเข้ามาในหัวใจแล้ว มันจะเป็นประโยชน์กับใจดวงนั้นไง ถ้าเป็นประโยชน์กับใจดวงนั้น นี่งานของเรา

หน้าที่นะหน้าที่ส่วนหน้าที่ ชีวิตก็ส่วนชีวิต แล้วเรามีสติมีปัญญา เราไม่ประมาทไงเวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “ภิกษุทั้งหลาย เธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด” นี่เป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายเลยถ้าคนไม่ประมาทเลินเล่อนะ การทำสิ่งใดมันจะผิดพลาดน้อยลงทั้งนั้นน่ะแล้วเราไม่ประมาทนะ

ในการกตัญญูกตเวทีในการเยี่ยมเยียนกันมันเป็นประโยชน์ทั้งนั้นน่ะ ถ้าเราไม่ประมาท อย่าประมาทอย่าเลินเล่อ ถ้าไม่ประมาทไม่เลินเล่อ ไม่ผิดศีล การที่ไปเยี่ยมเยียนอันนั้นมันจะชัดเจนมันจะเป็นประโยชน์ แต่ถ้ามันประมาทเลินเล่อ เพราะอะไร เพราะมันเป็นคราวไงเป็นนักขัตฤกษ์แล้วเราก็ตื่นเต้นไปกับมันไง 

เราต้องมีสติมีปัญญาอย่าประมาทไม่ประมาท ทำสิ่งใดไม่ประมาทใดๆ ทั้งสิ้นแล้วใช้สติปัญญาของเราสติปัญญาของเรามันจะเป็นประโยชน์กับเราไง มันจะเกิดกับเราแล้ว ถ้าเกิดกับเราฝึกหัดจนมันเป็นจริตเป็นนิสัย ถ้าฝึกหัดเป็นจริตนิสัยก็เป็นสมบัติฝังไปๆ เวลาประพฤติปฏิบัติสิ่งที่เราปฏิบัติปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ปฏิบัติแล้วมันจะเป็นจริตนิสัยของเรา ขอให้มันฝังเป็นจริตเป็นนิสัยของเราแล้วถ้ามันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ สิ่งนี้มันฝังไปในจิตของเรา ถึงเวลามันแสดงออกมันจะกระทบขึ้นไป 

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเล็งญาณจะรื้อสัตว์ขนสัตว์เขาเล็งญาณๆเขามีจริตนิสัยหรือไม่ เขาสร้างสมบุญญาธิการมาหรือไม่ แล้วถ้าเขาสร้างสมบุญญาธิการมาอายุเขาจะสั้นไปเอาคนนั้นก่อนๆ นี่ไง จริตนิสัยที่ฝังไว้ในใจ ฝังไว้ในใจภาษาใจ มันรู้มันเห็นกัน ถ้ามันรู้มันเห็นกันผู้ที่ทำ ผู้ที่มีสติปัญญา เขาเล็งญาณของเขาเขาใช้ประโยชน์ของเขา มันฝังเป็นจริตนิสัยของเขาเพื่อประโยชน์กับเราไง 

ปฏิบัติเพื่อตนๆ ทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์ชีวิตก็เรื่องหนึ่ง เพื่อประโยชน์สาธารณะก็เรื่องหนึ่ง เพื่อประโยชน์กับเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์หลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นตรัสรู้อยู่ในป่าเวลาทำเพื่อเราๆ มีเราเท่านั้น เรานั่งเท่านั้น เราเดินจงกรมเท่านั้นเราพิจารณาเท่านั้น มีหัวใจเราเท่านั้นฉะนั้น เราต้องค้นหาหัวใจของเราให้เจอปฏิบัติขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับชีวิตนี้ เพื่อประโยชน์กับสมบัติของชีวิตนี้ และสมบัติของตัวตนเราด้วย เอวัง